กรุงเทพ, ประเทศไทย (24 ตุลาคม 2562) – นิสสัน ประเทศไทย ประกาศความภาคภูมิใจ ในการรับมอบโล่รางวัล จาก เจ.ดี. พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ หลังคว้าอันดับหนึ่งจากผลการศึกษาวิจัยดัชนีด้านการบริการลูกค้าในประเทศไทย ประจำปี 2562 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2019 Thailand Customer Service Index (CSI) StudySM) เมื่อเร็ว ๆ นี้

การศึกษาวิจัยดัชนีด้านการบริการลูกค้าประจำปี โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ ผู้นำด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับความพึงพอใจและพฤติกรรมของลูกค้า การให้บริการที่ปรึกษา และการวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก  ประเมินความพึงพอใจโดยรวมของเจ้าของรถยนต์ที่ใช้บริการจากศูนย์บริการมาตรฐาน สำหรับการบำรุงรักษาและงานซ่อมแซมในช่วง 1 – 3 ปีแรก โดยในปีนี้ นิสสัน ประเทศไทย สามารถคว้าอันดับสูงสุดด้านความพึงพอใจในการบริการหลังการขาย โดยทำคะแนนได้อย่างดีเยี่ยมจากการประเมินใน 3 ปัจจัย ได้แก่ ที่ปรึกษางานบริการ การรับรถคืน และคุณภาพงานบริการ ซึ่งนิสสันได้รับการจัดอันดับสูงสุดด้านความพึงพอใจในการบริการหลังการขาย โดยทำคะแนนได้อย่างดีเยี่ยมจากการประเมินใน 3 ปัจจัย ได้แก่ ที่ปรึกษางานบริการ, การรับรถคืน และคุณภาพงานบริการ

“ประสบการณ์ของลูกค้านิสสัน นับตั้งแต่ขับรถยนต์ออกจากโชว์รูม จนถึงนำรถยนต์กลับมาใช้บริการ จะต้องได้รับการดูแลและปรนนิบัติด้วยความใส่ใจอย่างสูงสุด” ราเมช นาราสิมัน ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในพิธี “รางวัลจาก เจ.ดี.พาวเวอร์ ในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นจากลูกค้านิสสันทุกท่านได้เป็นอย่างดี และพวกเราจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ ตลอดช่วงเวลาที่เป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน”

นิสสัน มุ่งมั่นในการยกระดับการบริการลูกค้าให้ดียิ่ง  ๆ ขึ้นไปในหลายด้าน อาทิ  การเปิดตัว Quick Voice of the Customer บนแอพพลิเคชั่น นิสสัน อินโนเวชั่น ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้นิสสันรับทราบและตอบสนองต่อความคิดเห็นของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทั้งด้านการขาย และการบริการหลังการขาย

พร้อมกันนี้  นิสสัน ยังไม่หยุดยั้งในการส่งมอบการบริการหลังการขายที่ยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ ผ่าน แคมเปญตรวจสภาพรถฟรีในช่วงหน้าเทศกาลต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้านิสสันจะได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และน่าพึงพอใจ รวมถึงนโยบาย “คำมั่นสัญญาต่อลูกค้านิสสัน” (Nissan Customer Promise) ที่ริเริ่มขึ้นเพื่อมอบความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นด้วยบริการและความช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ให้แก่ลูกค้านิสสันที่กำลังตัดสินใจจะซื้อหรือเป็นเจ้าของรถนิสสัน ตลอดช่วงเวลาที่ได้ครอบครองรถยนต์นิสสัน

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์  นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ  เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่   สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง   มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 170 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น  ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์  รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน  รถกระบะ และรถตู้  

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด

นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559  ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube