ขอต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความเร้าใจในการแข่งขัน ABB FIA ฟอร์มูล่า อี แชมเปี้ยนชิพ

ถ้าคุณเป็นแฟนกีฬา เกมเมอร์ หรือแค่ชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า คุณอาจสนใจการแข่งรถยนต์ไฟฟ้า ABB FIA ฟอร์มูล่า อี ที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลที่ 5 การแข่งรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์มูล่า อี นั้นเต็มไปด้วยเสียงไซไฟราวกับหลุดออกมาจากอวกาศของรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100% และผู้ชมการแข่งขันยังสามารถส่งกำลังพลังงานจำนวน 100 กิโลจูลให้แก่นักแข่งรถคนโปรดได้ผ่านโซเชียลมีเดีย การแข่งขันถูกจัดขึ้นท่ามกลางเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามต่างๆ จากฮ่องกง ไปจนถึง กรุงปารีส

อะไรที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้านั้นแตกต่างออกไป?

รถแข่งไฟฟ้าที่ปลอดมลภาวะอาจมีรูปร่างเหมือนรถแข่งที่นั่งเดียวทั่วไป แต่รถทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันมาก อย่างแรกคือรถแข่งไฟฟ้านั้นไม่มีเครื่องยนต์ที่สร้างพลังงานจากการเผาไม้ข้างใน จึงใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานทดแทน และรถแข่งไฟฟ้าที่ลงแข่งทุกคันจะได้รับแบตเตอรี่แบบเดียวกันหมด ในขณะที่แต่ละทีมสามารถสร้างมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และกล่องเกียร์ตามดีไซน์ของตัวเอง รถแข่งไฟฟ้าเหล่านี้มีอัตราเร่งที่รุนแรง เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดได้ 100% ทันทีที่ออกรถ นอกจากนั้นแล้ว รถแข่งไฟฟ้ายังถูกออกแบบใหม่ให้ออกความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (62 ไมล์/ชั่วโมง) ภายในเวลา 3 วินาที (2.8 วินาที) และตบท้ายด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 289 กม./ชม. (174 ไมล์/ชั่วโมง) ทำให้การแข่งขั้นมีแต่ความตื่นเต้น เร้าใจบนเส้นทางสนามแข่งที่คับแคบ

นอกจากนี้แล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจที่จะเพิ่มความเข้นข้นในการแข่งรถแบบดั้งเดิม ในการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นในฤดูกาล 2018/19 จะมีโซนที่เปิดใช้การให้มีการใช้พลังงานได้มากถึง 225 กิโลวัตต์ (กิโลวัตต์คือพลังงานเทียบเท่ากับกำลังแรงม้า) ด้วยการใช้พลังงาน 200 กิโลวัตต์ ในโหมดการแข่งรถมาตราฐาน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือการจำกัดให้ทีมและนักแข่งทุกคนเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งรถ และให้ความสำคัญกับการจัดการด้านพลังงานที่จะต้องใช้

“แฟนๆไม่ได้แค่ต้องการชมการแข่งขันเท่านั้น แต่อยากมีส่วนร่วมด้วย”

- อเลฮานโดร อากัก ผู้บริหารสูงสุดของฟอร์มูล่า อี

Formula E racers on straightaway

แฟนๆมีส่วนร่วมในผลการแข่งขัน

สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของการแข่งขันฟอร์มูล่า อี คือการที่ผู้ชมนั้นมีส่วนร่วมในการแข่งขัน แฟนๆสามารถใช้ FANBOOST ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อจะโหวตให้แก่นักแข่งรถคนโปรด นักแข่งรถที่ได้รับคะแนนเสียงที่มากที่สุด 3 อันดับแรก จะได้รับพลังงาน 100 กิโลจูล เพิ่มเพื่อใช้ในการแข่งขัน ในขณะที่แฟนๆจะเริ่มโหวต 6 วันก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น การโหวตจะยังคงเปิดอยู่ใน 6 นาทีแรกของเกม - ซึ่งหมายความว่านักแข่งจะไม่ทราบเลยว่าเขาจะได้รับพลังงานบูสเพิ่มเติมจนกว่าจะเริ่มที่จะแข่ง

แน่นอนว่าแฟนๆจะได้รับการตอบโต้จากนักแข่งรถผ่านโซเชี่ยลมีเดียเช่นกัน เมื่อได้รับพลังงานบูสที่จะให้เขาขับผ่านคู่แข่งได้ ทั้งนักแข่งรถและทีมงานยังสามารถพูดคุยกับแฟนๆ ได้อย่างง่ายดาย  การตอบคำถามและลงคลิปวิดีโอจะไม่ใช่แค่กลยุทธ์การตลาด แต่เป็นความแตกต่างที่จะสามารถคว้าถ้วยรางวัลกลับบ้านได้ การได้รับพลังจากแฟนๆอาจทำให้การแข่งฟอร์มูล่า อี เป็นแนวหน้าของการปฎิรูปการแข่งรถ และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ลงแข่งกับแฟนๆอีกด้วย

การที่โซเชี่ยลมีเดียทำให้แฟนๆมีส่วนร่วมในผลของการแข่งขันนั้น ทำให้ฟอร์มูล่า อี ได้เชื่องโยงกับกลุ่มแฟนๆแข่งรถอายุน้อยได้อย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่การแข่งรถแบบดั้งเดิมกำลังดิ้นรนในการดึงดูดผู้ชมกลุ่มนี้ Facebook ของฟอร์มูล่า อี มีแฟนๆที่มีอายุระหว่าง 13-24 ปี ถึง 49% ในเพจ

Formula E race fans
Formula E racers enter turn

Ghost Racing: การแข่งขันกับมือโปรแบบรีลไทม์

ลักษณะการแข่งขันแบบไฮเทคของฟอร์มูล่า อี กำลังจะสร้างประสบการณ์การแข่งรถเสมือนจริงที่สมจริงที่สุดที่มีอยู่ คือการแข่ง Ghost Racing (โกสท์เรซิ่ง) ครั้งแรกในโลกของการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตและการจัดแถวของฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง เกมเมอร์สามารถแข่งกับนักแข่งรถได้โดยผ่านมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยการใช้เทคโนโลยีแบบรีลไทม์ พวกเขายังสามารถบันทึกการแข่งและแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆ ผ่านโซเชี่ยลมีเดียได้

นอกเหนือจากการได้เปรียบเทียบทักษะกับนักแข่งมือโปรได้ การแข่ง Ghost Racing ยังมีจุดเด่นต่างๆอีกมากมาย ต้องขอบคุณการสร้างภาพเหมือนจริงของรถแข่ง สนามแข่ง และเมือง เกมเมอร์จึงสามารถนั่งรถไปกับนักแข่ง ได้ดูแอคชั่นต่างๆ เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะ และกลยุทธ์ที่ทีมใช้ในการแข่ง ประสบการณ์เหล่านี้ใกล้เตียงกับความเป็นจริงที่สุดแล้ว

หรือการแข่งขันเสมือนจริงเช่น Ghost Racing จะเป็นสนามฝึกซ้อมเสมือนจริงสำหรับการแข่งรถในอนาคต? นี่อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เมื่อนิสสัน GT Sport Cup เป็นการแข่ง E-Racing ที่กำลังเสาะหาเกมเมอร์ Gran Turismo รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับโปรแกรมที่ช่วยให้นักแข่ง E Racer สามารถเข้าร่วมแข่งขันในแชมเปี้ยนชิพในรายกายของ FIA

Technology from the track to your driveway

Gamers aren't the only ones learning from Formula E. Lessons learned on the track can help engineers make the EVs we drive every day more thrilling and more efficient. As season five begins, the race cars' battery range has been doubled, while at the same time, they are faster and more energy-efficient. With technology accelerating at this rate, it may be just a matter of time before all our cars sound like spaceships.

tk

คุณอาจสนใจบทความต่อไปนี้

Nissan LEAF in city with driving sensor graphics

การขับขี่ที่ปลอดภัยในทุกรอบด้าน

#Nissan Intelligent Mobility

Nissan LEAF chassis

วิสัยทัศน์ของนิสสัน ในการให้ทั้งโลกใช้พลังงานไฟฟ้า

#Nissan Intelligent Mobility