กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย (18 มิถุนายน 2562) – การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และนิสสัน ประเทศไทย เดินหน้าประกาศความร่วมมือผ่านข้อตกลงร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจในการเตรียมความพร้อมรองรับการชาร์จพลังงานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภาคครัวเรือน เพื่อลูกค้า นิสสัน ลีฟ ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั่วประเทศ

โดยบันทึกความเข้าใจระหว่างสองหน่วยงานฉบับนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงคู่มือการใช้งานและบริการสำหรับระบบอัดประจุไฟฟ้า การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค  รวมถึงจุดบริการอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะ

 “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้นำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลมาบูรณาการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยได้พัฒนา PEA VOLTA Platform เพื่อรองรับโครงข่ายการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”  สมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าว “กฟภ. ได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บท ซึ่งสนับสนุนการติดตั้งสถานีชาร์จ ให้มีความครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งฝึกอบรมพนักงานของเราให้มีทักษะและประสบการณ์  เพื่อสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์ และระบบการชาร์จรถไฟฟ้าด้วยไฟบ้านได้อย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนในการเตรียมความพร้อมของระบบพลังงาน เพื่อเดินหน้าส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มที่”

นอกจากนี้ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทในเครือของกฟภ. จะเป็นผู้เดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ตู้แผงสวิตซ์ถึงเต้ารับอุตสาหกรรม  สำหรับลูกค้านิสสัน นายสมพงษ์ กล่าวเสริม

ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการสร้างความร่วมมือ ระหว่างนิสสัน ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เพื่อสนับสนุนแผนงานด้าน
ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันมาสู่ประเทศไทย

โดย ราเมช ยังได้ตอกย้ำถึงความสำคัญในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับลูกค้านิสสัน ลีฟ ทั่วประเทศ

 “เราได้เริ่มต้นส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ใหม่ ให้แก่ลูกค้าชาวไทยแล้ว โดยลูกค้านิสสัน ลีฟ กว่าร้อยละ 20 เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ อย่าง กฟภ. ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้สามารถเข้าถึง  โครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและความปลอดภัย” นาราสิมัน กล่าว

 “นิสสัน เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนากลยุทธ์และเทคโนโลยีขับเคลื่อนระบบพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย มีความน่าสนใจ และสะดวกสบาย ตอบสนองความต้องการในการขับขี่ทุกรูปแบบ  ซึ่งในประเทศไทยนั้น เราได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้จำหน่าย เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ผู้บริโภค อีกทั้งยังเร่งดำเนินการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและสร้างระบบนิเวศที่ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า” เขากล่าวเสริม

บันทึกข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคครั้งนี้ เป็นการต่อยอดกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งนิสสันได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อดำเนินการเตรียมโซลูชั่นรองรับการชาร์จในที่พักอาศัยสำหรับลูกค้านิสสัน ลีฟ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี พ.ศ. 2561 และเมื่อเดือนที่ผ่านมา นิสสัน ประกาศแต่งตั้งบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการหลักเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ  สำหรับลูกค้านิสสัน ลีฟ ในประเทศไทย

นอกจากนี้ นิสสัน ยังได้พัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ  โดยปัจจุบัน มีโชว์รูมที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายนิสสัน ลีฟ อย่างเป็นทางการ 32 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีผู้เชี่ยวชาญรวมถึงมีทั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้สำหรับรองรับบริการโดยเฉพาะ

 “เรามั่นใจในอนาคตที่สดใสสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยนิสสัน ได้ทำงานร่วมกับบริษัทวิจัย ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) ในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมีแผนในการสนับสนุนรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพื่อเข้าสู่ยุคแห่ง EV[1] โดยตั้งเป้าผลักดันให้มีรถยนต์ไฟฟ้า 1.2 ล้านคันบนท้องถนน ทั่วประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2579[2] และเรามีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนไปสู่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้” นาราสิมัน กล่าวสรุป

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์  นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน  รถกระบะ และรถตู้

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด

นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559  ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่