กรุงเทพฯ ประเทศไทย (19 กรกฎาคม 2562) – เมื่อไม่นานมานี้ ปีเตอร์ แกลลี รองประธาน สายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวย้ำถึงอนาคตของรูปแบบการขับขี่ในประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น ในงาน Techsauce Global Summit 2019

ภายใต้การอภิปรายหัวข้อ “เราเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติแล้วหรือยัง” ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของรถยนต์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศไทย ท่ามกลางความร้อนแรงของการปฏิวัติรูปแบบการขับขี่ด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ในส่วนของนิสสัน แกลลี กล่าวว่า เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ซึ่งนิสสันถือเป็นผู้นำของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้

“ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อช่วยเหลือการขับขี่ได้ถูกบรรจุอยู่ในรถยนต์นิสสันหลายรุ่น ทว่าเรายังต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือการขับขี่ไปสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งยานยนต์เหล่านี้จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของเมือง และในทางกลับกันด้วยเช่นกัน” แกลลีกล่าว

แกลลี อธิบายเสริมว่า ยังต้องมีการพิจารณาขอบข่ายด้านกฎหมายร่วมด้วยในการสร้างระบบนิเวศที่จะเอื้ออำนวยต่อการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้ในประเทศไทยและในภูมิภาคให้เป็นจริง ทั้งนี้ ประเด็นความปลอดภัยและข้อกำหนดต่าง ๆ ยังอยู่ในระหว่างการหารือและพัฒนาร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก

แม้ว่าการนำระบบยานยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติมาใช้ ยังเป็นเรื่องอนาคต แต่นิสสันก็ไม่หยุดยั้งในการเป็นผู้นำในการปูทางเทคโนโลยีที่เป็นรากฐานสำคัญ เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต อาทิ เทคโนโลยี ProPILOT Assist ระบบขับขี่อัจฉริยะสำหรับช่วยเหลือการขับขี่ที่สามารถควบคุมให้รถให้อยู่ในเลน ช่วยควบคุมการเร่งและการเบรค การรักษาความเร็วและระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าให้คงที่ รวมถึงเทคโนโลยี Forward Emergency Braking (FEB) ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์ระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้า พร้อมส่งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการชนที่อาจเกิดขึ้น

พร้อมกันนี้ นิสสันยังได้ดำเนินการควบคู่กันไปในด้านการพัฒนาและวิจัย เทคโนโลยี Invisible-to-Visible (I2V) ที่ผสานเทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality) ที่สามารถติดตามสภาพแวดล้อมโดยรอบของรถยนต์ และคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตราย หรือแม้กระทั่งสิ่งกีดขวางที่อยู่บริเวณจุดบอด โดยแสดงผลให้ผู้ขับขี่ได้เห็นอย่างราบรื่น เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

 “นวัตกรรมล้ำสมัยเหล่านี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของนิสสัน ในการตอบสนองทุกความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้านิสสัน ในประเทศไทยและภูมิภาคสำหรับวันนี้และวันหน้า โดยนิสสันจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบนวัตกรรมระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมถึงยานยนต์แบบไร้คนขับ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้านิสสัน ที่มีรถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ตลอดจนทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อทุกครั้งที่ได้ขับขี่” แกลลีกล่าวสรุป

ผู้ร่วมอภิปรายต่างเห็นพ้องร่วมกันว่า เส้นทางสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศไทยนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการกำหนดนโยบาย อันล้วนแล้วแต่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีไร้คนขับมาใช้งานได้จริงในประเทศไทย

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์  นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ  เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่   สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง   มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น  ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์  รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน  รถกระบะ และรถตู้  

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด

นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559  ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube